Change font size

Decrease font size Font size Increase font size

Change background and font color

Change background to black and font to whiteC Change background to white and font to blackC Change background to black and font to yellowC

Google Translate

คลิกเพื่อแปลภาษาด้วย Google translate
 


Search for services

รูปภาพโฆณา แบบภาพวนซ้ำ

Thailand Post's History



ไปรษณีย์ไทยแชร์รายได้สู่ “ร้านค้าปลีก คาเฟ่ ร้านอาหาร” ชวนร่วมโมเดลมิกซ์ยูส - ปันพื้นที่ว่างเปิดจุดบริการ “EMS Point”

         กรุงเทพฯ  12  กรกฎาคม 2566 – บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตอกย้ำกลยุทธ์ “เพื่อนพี่ไปรฯ” เดินหน้าขยายเครือข่ายและพันธมิตรสู่กลุ่มร้านค้าปลีก คาเฟ่ ร้านอาหาร ในการเปิดจุดส่งด่วนไปรษณีย์ไทย สำหรับฝากส่งพัสดุแบบ EMS หรือ EMS Point โดยเชิญชวนร้านค้าที่ต้องการปันพื้นที่ว่างมาร่วมให้บริการ ฝากส่งพัสดุทั้งส่งแบบชิ้นเดียว และที่มีปริมาณมาก ผู้ที่เข้าร่วมไม่คิดค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าอุปกรณ์ หรืออื่น ๆ และสามารถรับค่าตอบแทนได้ทันทีเมื่อมีการฝากส่งจากลูกค้า สามารถกรอกข้อมูลและพิมพ์ใบสมัครได้ที่ https://postone.thailandpost.com/
         ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทยยังคงเดินหน้าสร้างเครือข่ายทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นหน่วยงานสื่อสารและขนส่งแห่งชาติที่มีศักยภาพและจุดให้บริการอย่างครอบคลุม ทั้งนี้ ล่าสุดจากจากการดำเนินกลยุทธ์ “เพื่อนพี่ไปรฯ” ไปรษณีย์ไทยได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของกลุ่มเพื่อนใหม่ที่เป็นกิจการค้าปลีกและบริการไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเสริมสวย ร้านสะดวกซื้อ ร้านบริการซักแห้ง โดยร้านเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีผู้เข้ามาใช้บริการในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก มีพื้นที่ว่างที่สามารถสร้างประโยชน์และรายได้จากการเปิดจุดฝากส่งสิ่งของ เนื่องจากมีความใกล้ชิดชุมชน ใกล้กับแหล่งธุรกิจ และเข้าถึงได้อย่างสะดวก
         ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับทุกเส้นทาง และทุกชุมชน ไปรษณีย์ไทย จึงได้เปิดโมเดลการแบ่งปันรายได้ให้กับร้านค้าเหล่านี้ด้วยการร่วมพัฒนา “จุดส่งด่วนไปรษณีย์ไทย สำหรับฝากส่งพัสดุแบบ EMS (EMS Point)” โดยเฟ้นหาร้านค้าที่ต้องการปันพื้นที่ว่าง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนหน้าร้าน  หรืออื่น ๆ มาให้บริการฝากส่งสิ่งของ/ พัสดุแบบ EMS ซึ่งปัจจุบันยังคงมีอัตราการใช้บริการที่โตอย่างต่อเนื่องกว่า 26% โดยโมเดลจุดรับฝากนี้จะรองรับทั้งการส่งแบบชิ้นเดียว และที่มีปริมาณมาก มาตรฐานการนำจ่ายเช่นเดียวกับการใช้บริการผ่านที่ทำการฯ และจุดฝากส่งอื่นๆ ที่เป็นเครือข่ายของไปรษณีย์ไทย นอกจากนี้ยังมีความพิเศษด้วยการไม่คิดค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าอุปกรณ์อื่นๆ อีกทั้งไปรษณีย์ไทยยังพร้อมสนับสนุนสื่อตกแต่งหน้าร้านให้ฟรี เช่น ธงญี่ปุ่น  ป้ายอัตราค่าบริการ ให้แก่ ร้านค้าที่ร่วมเปิดบริการ และสามารถรับค่าตอบแทนได้ทันทีเมื่อมีการฝากส่งจากลูกค้า 
         ดร.ดนันท์ฯ กล่าวเพิ่มว่า การนำพื้นที่หน้าร้านและพื้นที่ว่างมาสร้างรายได้เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีผู้ประกอบการหลายรายได้ใช้กลยุทธ์สร้างพื้นที่ให้เกิดประโยชน์อย่าง ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยมั่นในว่าการดึงร้านต่างๆ มาร่วมเปิดเป็นจุด EMS Point  ภายใต้ กลยุทธ์ “เพื่อนพี่ไปรฯ” จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางการสร้างรายได้ที่สำคัญ และรองรับปริมาณ – เทรนด์ ความต้องการฝากส่งสิ่งของที่สะดวกรวดเร็ว รับบริการได้ทุกที่อีกด้วย 
         สำหรับร้านค้าปลีก ธุรกิจบริการ หรือที่อยู่อาศัย ที่สนใจร่วมเป็นเพื่อนกับพี่ไปรฯ พร้อมสร้างรายได้         จากพื้นที่ว่าง สามารถสมัครเข้ามาได้แล้ววันนี้ด้วย 5 ขั้นตอนง่ายๆ คือ 1. กรอกข้อมูลและพิมพ์ใบสมัครที่ https://postone.thailandpost.com/  2. ส่งใบสมัคร ณ ที่ทำการไปรษณีย์ใกล้บ้าน  3. รอไปรษณีย์ไทยติดต่อกลับภายใน 5 วัน  4. ไปรษณีย์นัดหมายดูพื้นที่หน้าร้าน 5. รออนุมัติและติดต่อกลับภายใน 5 วัน  เพียงเท่านี้ก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้การส่งพัสดุของคนไทยเป็นไปเรื่องง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

-

ประกาศราคากลาง งานซ่อมแซมกันสาดและหลังคาคลังสินค้าไปรษณีย์ โดยวิธีเฉพาะเจาะจง

-

ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างปรับปรุงซ่อมแซมหลังคาอาคารที่ทำการไปรษณีย์ฮอด โดยวิธีเฉพาะเจาะจง

เคล็ด(ไม่)ลับส่งของพื้นที่ห่างไกลแบบประหยัด

ลูกค้าอยากซื้อ แม่ค้าเองก็อยากขาย แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ ซึ่งอยู่นอกเขตการจัดส่ง หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้การขนส่งกลายเป็นอุปสรรคของการซื้อ-ขายออนไลน์ทันที เพราะบางครั้งค่าขนส่งแพงกว่าราคาสินค้าไปมาก จนทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่คุ้ม จึงไม่สั่งซื้อ กลายเป็นว่าแม่ค้าเสียโอกาสที่จะเพิ่มยอดขายนั่นเอง



3 เรื่องที่คนขายออนไลน์ต้อง “คิดก่อนส่ง” พื้นที่ห่างไกล

• ราคาค่าขนส่ง สำหรับพื้นที่ห่างไกล ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่บนดอย ตามเกาะต่างๆ หรือบางพื้นที่ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองมากๆ โดยทั่วไปของผู้ให้บริการขนส่ง มักจะมีค่าธรรมเนียมสำหรับการส่งของไปยังพื้นที่ห่างไกล นั่นหมายความว่า จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมดังกล่าวขั้นต่ำ 50 บาท/ชิ้น ทำให้ค่าขนส่งสูงกว่าปกติ และเมื่อรวมกับค่าสินค้าจึงทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง  

• ครอบคลุมพื้นที่การจัดส่ง พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรพิจารณาเรื่องจุดให้บริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ผู้ให้บริการขนส่งบางรายอาจจะไม่มีสาขาอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้ต้องส่งสินค้าไปยังสาขาใกล้เคียง และบางครั้งจำเป็นต้องไปจ้างขนส่งอื่นเพื่อส่งไปยังพื้นที่ห่างไกลอีกทีหนึ่ง อาจจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งได้

• ระยะเวลาการขนส่ง โดยทั่วไปของการขนส่งไปพื้นที่ห่างไกลค่อนข้างจะใช้เวลานานกว่าพื้นที่ทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อาจต้องคำนวณเผื่อระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าด้วย รวมถึงการแจ้งลูกค้าให้รับทราบตั้งแต่ต้น เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรอสินค้านานเกินไป


EMS ไปรษณีย์ไทย ปลดล็อกการส่งของพื้นที่ห่างไกล 

จะเห็นได้ว่า หัวใจหลักของการขนส่งไปยังพื้นที่ห่างไกล คือ การเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างแท้จริง แน่นอนว่า ไปรษณีย์ไทย ถูกจัดให้เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องนึกถึง นั่นเพราะ... 

• บริการส่งด่วน EMS คิดอัตราค่าบริการจบในราคาเดียวของแต่ละพิกัดน้ำหนัก โดยมีการเพิ่มพิกัดน้ำหนักการฝากส่ง สูงสุด 30 กิโลกรัม จากเดิม 20 กิโลกรัม
• ไม่มีการเก็บค่าขนส่งเพิ่มในพื้นที่ห่างไกล ค่าน้ำมัน หรือค่าพาหนะเพิ่มเติมจากผู้ใช้บริการ ถือเป็นจุดที่แตกต่างจากผู้ให้บริการขนส่งเอกชน และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
• มีเครือข่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการส่งของถึงมือผู้รับแม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็ตาม 

เปลี่ยนค่าธรรมเนียมส่งพื้นที่ห่างไกล เป็นโปรฯ มัดใจลูกค้า

โดยทั่วไปแม้ค่าบริการขนส่งที่เกิดขึ้นจะเป็นฝ่ายลูกค้าที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย แต่จะดีกว่าไหม? หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เลือกใช้บริการ EMS ไปรษณีย์ไทย ที่ไม่มีการบวกเพิ่มค่าธรรมเนียมส่งพื้นที่ห่างไกล แล้วใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้เพื่อไปบริหารจัดการต้นทุนการขนส่งให้ต่ำ เพื่อจะได้จัดเป็นโปรโมชันส่งฟรี! ให้กับลูกค้า เรียกได้ว่า ลูกค้าได้ประหยัด ไม่ต้องจ่ายค่าขนส่งเพิ่ม แถมยังได้โปรโมชันส่งฟรีอีกต่างหาก นี่คือทริคเล็กๆ ช่วยเรียกความประทับใจให้กับลูกค้าที่อยู่ห่างไกล กลายเป็นลูกค้าคนใกล้แบบง่ายนิดเดียว


แจกสูตรทำ Content เปลี่ยนยอดวิวหลักแสน เป็นยอดซื้อหลักล้าน

หนึ่งในกลยุทธ์ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ใช้ในการทำการตลาด คือ การทำ Content แต่รู้ไหมว่า Content แบบไหน?  ที่จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อและยอมควักกระเป๋าจ่าย คุณธัญญ์นิธิ อภิชัยโชติรัตน์ นักการตลาดออนไลน์ มาแจกสูตรการทำ Content แบบที่จะช่วยเปลี่ยนยอดวิว ให้เป็นยอดซื้อจากลูกค้าได้จริง

เริ่มต้นด้วย Content เปิดใจ 

หลายครั้งที่ลูกค้าเห็น Content ที่แบรนด์ทำแล้ว แต่ไม่ได้หยุดดูหรือคลิกสั่งซื้อในทันที อาจเป็นเพราะว่า ลูกค้ายังไม่รู้จักแบรนด์ ยังไม่มีความเชื่อมั่น หรือเห็นถึงความแตกต่างของแบรนด์กับสินค้าประเภทเดียวกันในท้องตลาด ดังนั้น ก่อนที่จะทำให้ลูกค้ายอมเปิดกระเป๋าควักเงินซื้อสินค้า ควรต้องทำให้ลูกค้ายอมเปิดใจที่จะรับรู้ถึงตัวตนของแบรนด์ก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้น ในการทำ Content เพื่อเปิดใจลูกค้า สามารถเล่าเรื่องได้ด้วยวิธีการเหล่านี้

• เล่า Brand Story ประวัติความเป็นมาของแบรนด์หรือสินค้า เน้นการเล่าแบบเรียล (Real) เพื่อนำเสนอตัวตนให้ลูกค้าได้รู้จักอย่างแท้จริง รวมถึงเบื้องลึกเบื้องหลังที่อาจจะไม่ได้เปิดเผยบ่อยนัก จะยิ่งทำให้ลูกค้าอยากรู้จักแบรนด์
• เล่าจุดเด่นหรือความแตกต่างที่มีมากกว่าคู่แข่ง เรียกว่ามีดีอะไรให้บอกกับลูกค้าได้รับรู้ ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ใช่ที่ตัวสินค้า แต่เป็นบริการก็ได้เช่นกัน
• เล่าถึงความสำเร็จหรือมาตรฐานของแบรนด์ ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญในการเปิดใจลูกค้า ใน Content ถ้ามีเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน หรือรางวัลการันตีคุณภาพ แสดงให้ลูกค้าได้เห็น ก็จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือได้

• สอนวิธีการใช้สินค้า หรือนำเอาคำถามที่ถูกถามบ่อยๆ จากลูกค้ามาทำเป็น Content ถือเป็นการเล่าเรื่องที่ตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการรู้อย่างตรงจุด
• เล่าเรื่องที่เป็นประโยชน์ อาจเป็นการให้ความรู้จากสิ่งที่แบรนด์ถนัดหรือเชี่ยวชาญ คำแนะนำ เกร็ดความรู้ต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจ บางครั้งการทำ Content ที่ไม่เน้นการขายสินค้าเลย จะช่วยเปิดใจลูกค้าได้ง่าย เพราะไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดการขายตลอดเวลา 

ตบท้ายด้วย Content ปิดการขาย

เมื่อแบรนด์สร้างการรับรู้ด้วย Content เปิดใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน เพื่อที่จะเปลี่ยนจากยอดวิวให้กลายเป็นยอดซื้อได้นั้น คือ การทำ Content ปิดการขาย โดยมีเทคนิคดังนี้ 

• หยิบเอาปัญหาที่ลูกค้าเจอมานำเสนอ แล้วแสดงให้เห็นว่าสินค้าหรือบริการของแบรนด์จะช่วยแก้ปัญหาให้เขาอย่างไร ซึ่งการเล่าเรื่องในรูปแบบนี้จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและเกิดการคล้อยตามได้ง่ายขึ้น
• เริ่มต้นเล่าด้วย Benefits ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับก่อน แล้วค่อยเล่าต่อด้วย Features คุณสมบัติสินค้า เพราะจะทำให้ลูกค้าได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาจะได้รับและดูว่าเป็นประโยชน์อย่างที่ต้องการหรือไม่  
• ใช้ภาษาพูดในการเขียน นอกจากจะเข้าใจง่าย ยังดูไม่เป็นทางการจนเกินไป โดยให้เขียนอธิบายรายละเอียดของสินค้า ควรใส่ราคาให้ชัดเจน และต้องไม่ลืมใส่ข้อมูลการติดต่อให้อยู่ภายใน 3-4 บรรทัดแรกทุกครั้ง
• ใช้รีวิว/คำชมของลูกค้ามาช่วยปิดการขาย เพราะลูกค้ามักจะเชื่อและตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น หากมีคนมายืนยันว่าสินค้านั้นดีและมีคุณภาพจริง โดยเฉพาะคนที่รีวิวเป็น KOC (Key Opinion Costumer) พูดง่ายๆ คือ คนที่ใช้งานสินค้าจริงแล้วชื่นชอบจึงบอกต่อ ดังนั้น รีวิวจาก KOC จึงถือเป็นท่าไม้ตายของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในการช่วยปิดการขาย

ในการทำ Content ครั้งต่อไป ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กันดู ไม่แน่นอนว่าอาจจะได้ทั้งยอดวิวและยอดซื้อในเวลาเดียวกันก็เป็นได้...

-

ประกาศราคากลาง จัดจ้างติดตั้งระบบราลำเลียงแบบสายพาน (Belt conveyor) ให้กับ ปจ.ลพบุรี โดยวิธีคัดเลือก

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader
ขออภัยครับ

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

}