
ไปรษณีย์ไทย ชูนวัตกรรม ไปรษณีย์ไทย 4.0 ลุยติดตั้งเครื่องคัดแยกประสิทธิภาพสูง รับมือส่งสินค้าออนไลน์วันละ 8 ล้านชิ้น
ชลบุรี 7 พฤษภาคม 2561 - บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เดินหน้าขับเคลื่อนสู่
“ไปรษณีย์ไทย 4.0” หนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยนวัตกรรมเครื่องคัดแยกกล่องพัสดุและซองจดหมายประสิทธิภาพสูง
พร้อมรับมือปริมาณงานกว่า 8 ล้านชิ้นต่อวัน ช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพการส่ง ตั้งเป้าขยายติดตั้งเครื่องคัดแยกอัตโนมัติทุกศูนย์ไปรษณีย์ทั่วประเทศ
นางสมร
เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตสูงอย่างรวดเร็ว คาดว่าในปี 2561
นี้ จะขยายตัวจากปีที่แล้ว 20–25 % ไปรษณีย์ไทยในฐานะผู้ให้บริการขนส่งไปรษณีย์อันดับหนึ่งของประเทศ
จึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณงานที่จะเพิ่มขึ้น ด้วยการดำเนินตามนโยบาย
“ไปรษณีย์ไทย 4.0” ติดตั้งเครื่องคัดแยกพัสดุและเครื่องคัดแยกจดหมายประสิทธิภาพสูงภายในศูนย์ไปรษณีย์
โดยเริ่มนำร่องที่ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชาและศูนย์ไปรษณีย์นครราชสีมา ซึ่งจะทำให้สามารถคัดแยกสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ที่มีมากถึง
8 ล้านชิ้นต่อวัน ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชา อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งมีปริมาณงานเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชามีปริมาณงานที่ผ่านศูนย์ต่อวันประมาณ 700,000 ชิ้น ซึ่งมีปริมาณงานมากที่สุดในศูนย์ไปรษณีย์ภูมิภาค
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังเสริมความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำด้านการขนส่ง ด้วยการเพิ่มรถนำจ่าย 800 คันภายในปีนี้ พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น บริการรับพัสดุถึงที่ (Pick up service) ในจังหวัดต่างๆ บริการกล่องพร้อมส่ง และแอปพลิเคชั่น PromptPost ตอบโจทย์ผู้ค้าออนไลน์รายย่อยด้วยแอปพลิเคชั่นที่อำนวยความสะดวกในการเตรียมการจัดส่งสิ่งของ บริการ D–Packet สำหรับธุรกิจ B2C กล่องและซอง “4Commerce” ที่ผลิตมาเพื่อรองรับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ รวมไปถึงบริการ EMS ส่งด่วนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และพัสดุลงทะเบียนอีกด้วย
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังคงเดินหน้ายกระดับคุณภาพการให้บริการในทุกด้าน รวมไปถึงนวัตกรรมในกระบวนการทำงานที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการไปรษณีย์แก่คนไทย และก้าวสู่การเป็น “เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย” อย่างเต็มภาคภูมิ
นางสมร กล่าวเพิ่มเติมว่า เครื่องคัดแยกดังกล่าว ได้แก่
เครื่องคัดแยกพัสดุแบบ Cross Belt Sorter จำนวน 1 เครื่อง สำหรับคัดแยกพัสดุประเภทกล่องด้วยสมรรถนะ
9,000 ชิ้น ต่อชั่วโมง มีช่องคัดแยกได้ถึง
77 ปลายทาง ติดตั้ง ณ ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชา และเครื่องคัดแยกจดหมายแบบ Mixed Mail Sorter จำนวน 2 เครื่อง
มีคุณสมบัติคัดแยกซองขนาดใหญ่ได้ประมาณ 8,000 ชิ้นต่อชั่วโมง มีช่องคัดแยกเครื่องละ 90 ปลายทาง ติดตั้ง ณ
ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชาและศูนย์ไปรษณีย์นครราชสีมา ซึ่งจะสามารถช่วยให้การคัดแยกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
อีกทั้งลดปัญหากล่อง/ซองชำรุดเสียหาย สูญหาย หรือส่งผิดปลายทาง
“ด้วยประสิทธิภาพของทั้งสองเครื่องนี้
จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและคุณภาพในกระบวนการคัดแยก โดยใช้ระบบสแกนบาร์โค้ด
และการอ่านรหัสไปรษณีย์บนตัวกล่อง/ซอง รวมทั้งการลำเลียงโดยสายพานอัตโนมัติเพื่อลงสู่ช่องคัดแยกปลายทางก่อนบรรจุลงในอุปกรณ์สำหรับส่งต่อไปยังที่ทำการปลายทางต่อไป
โดยเริ่มใช้งานแล้ว ณ
ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชา จ.ชลบุรี และนอกจากนี้ยังมีโครงการจะขยายการติดตั้งเครื่องดังกล่าวไปยังศูนย์ไปรษณีย์ทั่วประเทศตั้งแต่ปี
2562 เป็นต้นไป ซึ่งการพัฒนาศักยภาพระบบปฏิบัติการไปรษณีย์ในครั้งสำคัญนี้อยู่ภายใต้แผนการดำเนินงานไปรษณีย์ไทย
4.0 ที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป” นางสมร กล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชา อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งมีปริมาณงานเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชามีปริมาณงานที่ผ่านศูนย์ต่อวันประมาณ 700,000 ชิ้น ซึ่งมีปริมาณงานมากที่สุดในศูนย์ไปรษณีย์ภูมิภาค
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังเสริมความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำด้านการขนส่ง ด้วยการเพิ่มรถนำจ่าย 800 คันภายในปีนี้ พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น บริการรับพัสดุถึงที่ (Pick up service) ในจังหวัดต่างๆ บริการกล่องพร้อมส่ง และแอปพลิเคชั่น PromptPost ตอบโจทย์ผู้ค้าออนไลน์รายย่อยด้วยแอปพลิเคชั่นที่อำนวยความสะดวกในการเตรียมการจัดส่งสิ่งของ บริการ D–Packet สำหรับธุรกิจ B2C กล่องและซอง “4Commerce” ที่ผลิตมาเพื่อรองรับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ รวมไปถึงบริการ EMS ส่งด่วนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และพัสดุลงทะเบียนอีกด้วย
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังคงเดินหน้ายกระดับคุณภาพการให้บริการในทุกด้าน รวมไปถึงนวัตกรรมในกระบวนการทำงานที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการไปรษณีย์แก่คนไทย และก้าวสู่การเป็น “เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย” อย่างเต็มภาคภูมิ