
ไปรษณีย์ไทย แนะนำช่องทางฝากส่งไปรษณีย์ระหว่างประเทศ หนุนผู้ประกอบการ e-Commerce พร้อมรับดีมานด์การค้าออนไลน์ทั่วโลก
บริษัท
ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) แนะนำ 5 บริการฝากส่งสิ่งของระหว่างประเทศ
ครอบคลุมทุกความต้องการของคนไทย
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ e-Commerce ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
บริการอีเอ็มเอสเวิลด์ (EMS World) บริการโลจิสโพสต์เวิลด์
(Logispost
World) พัสดุไปรษณีย์ (Parcel Post) บริการไปรษณีย์ลงทะเบียน
(Registered) พร้อมเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการด้วยการตรวจสอบสถานะสิ่งของที่ฝากส่งได้ผ่านแอพลิเคชั่น
Track&Trace ตลอด 24 ชั่วโมง
นางสมร เทิดธรรมพิบูล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า “ปัจจุบันความต้องการซื้อขายและขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องไปรษณีย์ไทย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งและมีเครือข่ายพันธมิตรครอบคลุมกว่า
200 ประเทศทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก พร้อมรองรับและตอบสนองทุกความต้องการจัดส่งสิ่งของระหว่างประเทศ
ทั้งในรูปแบบเอกสาร (Document)
และ สิ่งของ (Package) ให้ถึงมือผู้รับปลายทางอย่างปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด
สำหรับบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่เปิดให้บริการ
ได้แก่ บริการอีเอ็มเอสเวิลด์ (EMS World) เป็นบริการจัดส่งสิ่งของที่มีน้ำหนักไม่เกิน
30 กิโลกรัม แบบเร่งด่วนใน 3-7 วันไปยังปลายทางทั่วโลก กว่า 94 ประเทศ บริการโลจิสโพสต์เวิลด์
(Logispost World) จัดส่งสิ่งของที่มีน้ำหนักหรือบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ตั้งแต่
20-200 กิโลกรัมไปยังปลายทาง 32 ประเทศ ภายใน 7-10 วัน พัสดุไปรษณีย์
(Parcel Post) บริการจัดส่งสิ่งของหรือเอกสารที่มีน้ำหนักหรือมีบรรจุภัณฑ์ไม่เกิน
30 กิโลกรัม บริการไปรษณีย์ลงทะเบียน (Registered) บริการจัดส่งสิ่งของหรือเอกสารที่มีน้ำหนักหรือมีบรรจุภัณฑ์ไม่เกิน
2 กิโลกรัม ทั้งนี้ การฝากส่งสิ่งของที่มีมูลค่าสูงหรือเป็นสิ่งของสำคัญ
สามารถใช้บริการไปรษณีย์รับประกัน (Insured) ควบคู่ได้ ซึ่งบริการพัสดุไปรษณีย์
และบริการไปรษณีย์ลงทะเบียน ผู้ใช้บริการสามารถเลือกส่งได้ทั้งการขนส่งทางอากาศ
การขนส่งทางอากาศชั้นประหยัด หรือ การขนส่งทางเรือ โดยระยะเวลาในการจัดส่งถึงปลายทางสามารถสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการภายในที่ทำการไปรษณีย์
ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่การนำจ่ายในประเทศปลายทาง สำหรับอัตราค่าบริการนั้นจะคิดตามอัตราน้ำหนักของสิ่งของ
และประเทศปลายทางที่จัดส่ง
รวมไปถึงประเภทของบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่ผู้ใช้บริการเลือกใช้ด้วย นอกจากนี้
ผู้ใช้บริการยังสามารถตรวจสอบสถานะสิ่งของที่ฝากส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแอพลิเคชั่น Track & Trace บนสมาร์ทโฟน หรือ www.thailandpost.co.th ซึ่งไปรษณีย์ไทยเชื่อว่าบริการระหว่างประเทศที่มีอย่างหลากหลายจะสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ
e-Commerce เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม
และเราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและผลักดันให้ธุรกิจไทยเติบโตแข็งขันได้ในระดับโลกต่อไป”
นางสมร กล่าวสรุป
ไปรษณีย์ไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการให้รองรับกับความต้องการของคนไทย
รวมไปถึงระบบเครือข่ายการขนส่งและมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศ
ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ใช้บริการ
และผู้ประกอบธุรกิจในทุกระดับ ตามนโยบาย POST Excellence เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจไปรษณีย์และการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรในอาเซียนอย่างเต็มภาคภูมิ
ผู้ใช้บริการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
THP Contact Center 1545 หรือ เว็บไซต์www.thailandpost.co.th