ไปรษณีย์ไทย จับมือ NT ให้บริการส่งด่วน เปิดจุด “EMS Point” ในศูนย์บริการ NT 33 จุด ทั่วภาคเหนือ
เชียงใหม่ 26 กันยายน 2565 - ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์และการขับเคลื่อนองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พร้อมด้วย ดร.สุรชัย อนุตระกูลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มขายและปฏิบัติการลูกค้าภาคเหนือ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือการขยายการให้บริการ/จุดให้บริการร่วมกัน พร้อมเปิดจุดให้บริการ “EMS Point” บริการ รับ - ส่งพัสดุด่วนภายในประเทศ ณ ศูนย์บริการเอ็นทีพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 33 จุด ครอบคลุมพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา พิษณุโลก แพร่ น่าน ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และ สุโขทัย เพื่อร่วมมือกันในการเพิ่มประสิทธิภาพบริการ และขยายจุดบริการของทั้ง 2 องค์กร ที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงส่งเสริมพัฒนาธุรกิจให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัลให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และการขับเคลื่อนองค์กร บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า การขยายเครือข่ายให้บริการส่งด่วนทั่วไทย ในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความร่วมมือจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาสู่พื้นที่ภาคเหนือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการให้บริการในรูปแบบจุดส่งด่วนไปรษณีย์ EMS Point ภายในศูนย์บริการของ NT2 ร่วมกัน ณ ศูนย์บริการ NT พื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด 33 แห่ง รวม 13 จังหวัด จุดให้บริการส่งด่วนไปรษณีย์ EMS Point เป็นการให้บริการส่งของแบบกล่องเหมาจ่าย ไม่ต้องชั่งน้ำหนักส่งด่วนด้วยมาตรฐานบริการ EMS เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการโซนภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ ที่ศูนย์บริการ NT นอกจากมาจ่ายค่าโทรศัพท์บ้าน ค่าอินเทอร์เน็ตแล้ว ยังสามารถส่งของได้อีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นจุดให้บริการครบวงจร One Stop Service และในอนาคต ไปรษณีย์ไทยมีแผนต่อยอดบริการ โดยจะประสานร่วมกับ NT เพื่อนำสินค้าการเกษตร/สินค้าชุมชน/สินค้าที่ระลึกของไปรษณีย์ และสินค้าอื่น ๆ จาก Thailandpostmart มาวางจำหน่ายภายในจุดให้บริการของ NT ด้วย เพื่อสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ เกษตรในพื้นที่ให้มีช่องทางทางการขายเพิ่มขึ้นมีรายได้เพิ่มขึ้น
ดร.สุรชัย อนุตระกูลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ NT กล่าวว่าการร่วมมือกันของทั้งสององค์กร ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจด้านโลจิสติกส์และด้านโทรคมนาคมเข้าด้วยกัน เป็นการร่วมมือกันผสมผสานความชำนาญ และประสบการณ์ในธุรกิจระหว่างกันนี้ จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคลากรและบริการของทั้งสององค์กร ส่งเสริมด้านการแข่งขันในระยะยาว สามารถเข้าถึงเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน และสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการขับธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป