
ไปรษณีย์ไทย เดินหน้าลุยโลจิสติกส์เต็มกำลัง เพิ่มความทันสมัยสะดวกสบายให้ผู้ใช้บริการ
กรุงเทพฯ 4 มกราคม
2564 –
ไปรษณีย์ไทย เร่งยกระดับการให้บริการด้านโลจิสติกส์
ในปี พ.ศ. 2564 เดินหน้าสร้างคลังสินค้าครบวงจร พัฒนารถขนส่งควบคุมอุณหภูมิ และเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซต่างประเทศเพื่อผู้ใช้บริการทุกคน
นายกาหลง ทรัพย์สอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่าในปี
พ.ศ. 2564 ไปรษณีย์ไทยยังคงเดินหน้าในการสนับสนุนการขนส่งโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง
เพราะพฤติกรรมของคนไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะใช้บริการธุรกิจ e-Commerce มากยิ่งขึ้น
โดยผู้ให้บริการขนส่งในตลาดขณะนี้มีลักษณะการให้บริการที่ใกล้เคียงกัน
คือ เน้นที่ความเร็ว ความรับผิดชอบ
และตั้งราคาให้ต่ำเพื่อทำการแข่งขัน รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน
ไปรษณีย์ไทยในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและขนส่งของไทย จึงเดินหน้ายกระดับการให้บริการด้านโลจิสติกส์มากยิ่งขึ้นเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการ
ดังนี้



· รถขนส่งควบคุมอุณหภูมิ
เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก
ผลผลิตทางการเกษตรจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้น ไปรษณีย์ไทยจึงร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และกรมต่าง ๆ ภายในสังกัดที่มีผักผลไม้ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิเมื่อมีการขนส่ง โดยพัฒนาและยกระดับระบบโลจิสติกส์ให้มีมาตรฐานและครอบคลุมการจัดส่งของสด
อีกทั้งในปัจจุบันการแข่งขันในการจัดส่งสิ่งของแช่แข็งยังมีน้อยราย
ไปรษณีย์ไทยในฐานะผู้นำด้านการขนส่ง จึงได้ริเริ่มการให้บริการด้วยรถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ
ซึ่งอยู่ระหว่างทดลองการจัดส่งในภาคธุรกิจรายย่อย โดยได้ร่วมมือกับ ททบ.5 และในปีพ.ศ.2564
มีแผนที่จะขยายการให้บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์กระจายสินค้าของไปรษณีย์ไทย
15 จุดในปัจจุบันได้เริ่มใช้รถควบคุมอุณหภูมิแล้ว เช่น การบริการขนส่งสินค้าประเภทอาหาร
ผลผลิตทางการเกษตร และของสดอื่นๆ เช่น แหนมเนือง หมูยอ
ไก่ย่างเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยนำร่องให้บริการในจังหวัดอุดรธานี หนองคาย
นำส่งสัปดาห์ละ 2 วัน ทุกวันพุธและวันศุกร์
ซึ่งมีแผนจะเตรียมนำมาให้บริการที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อขนส่งพุทรานมสด “ทันสุข” ต่อไป
นอกจากสินค้าทางการเกษตรแล้ว
ยาและเวชภัณฑ์ก็นับเป็นสิ่งที่ต้องควบคุมอุณหภูมิในการจัดส่งด้วย
ไปรษณีย์ไทยจึงได้จับมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข สปสช. ที่ต้องการขนส่งยาและเวชภัณฑ์
ไปยังที่อยู่ผู้รับ

· เพิ่มศักยภาพศูนย์ไปรษณีย์ชายแดน เจาะตลาดขนส่งระหว่างประเทศ ปัจจุบันความต้องการในการจัดส่งสินค้าข้ามแดนมีมากขึ้น
ซึ่งตามปกติแล้วไปรษณีย์ไทยมีการแลกเปลี่ยนถุงไปรษณีย์ระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านบริเวณชายแดน
เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย อยู่เป็นประจำ ในปีพ.ศ. 2564 จึงได้วางแผนในการยกระดับศักยภาพการให้บริการระหว่างด้วยการสร้างคลังเก็บและจัดการสินค้าเพื่อรองรับสินค้าที่นำเข้าและส่งออกด้วยระบบออโตเมชัน
โดยเริ่มดำเนินการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีสินค้าเข้ามาจำนวนมาก

ด้านธุรกิจระหว่างประเทศ ปณท
จะเร่งรุกแผนการตลาดและการขายบริการระหว่างประเทศปี 2564 โดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ผ่านกลยุทธ์ด้านราคา
และร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อยกระดับการให้บริการระหว่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งในส่วนของการนำสินค้ากลุ่ม
e-Commerce
จากต่างประเทศเข้ามาจัดส่งในประเทศไทยเอง
ก็จะมีการเพิ่มบริการใหม่ ๆ เพื่อรองรับธุรกิจ e-Commerce มากขึ้น
เช่น การอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศที่ต้องเสียภาษีอากรและภาษีมูลค่าเพิ่มให้ง่ายยิ่งขึ้น


·
เร่งพัฒนาคลังสินค้าครบวงจร
เดิมไปรษณีย์ไทยเน้นขนส่งเพียงอย่างเดียว แต่ในปีหน้าไปรษณีย์ไทยมีแผนการดำเนินการด้าน
Supply
Chain ให้ครอบคลุม โดยเฉพาะกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ปัจจุบันมีการซื้อขายสิ่งของออนไลน์มากขึ้น คือการทำคลังสินค้าครบวงจร
อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น ด้วยแนวคิด หยิบ-พิค-แพค-แปะ-ส่ง ซึ่งบริการ Fulfillment
แบบครบวงจร สามารถนำสินค้ามาเก็บไว้ที่คลัง เมื่อมีคำสั่งซื้อก็สามารถรวบรวมจัดส่งสินค้าได้
โดยในช่วงปลายปีพ.ศ. 2563 นี้
ได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เห็นได้จากงานกาชาดออนไลน์
2563 ที่ในปีนี้ร้านค้าใหญ่ ๆ หลายร้านใช้บริการคลัง Fulfillment ของไปรษณีย์ไทย ซึ่งไปรษณีย์ไทยจะค่อย
ๆ ขยายการให้บริการไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด
โดยนำพื้นที่ของไปรษณีย์มาปรับเป็นคลังสินค้าย่อย


· รถขนส่งควบคุมอุณหภูมิ

· เพิ่มศักยภาพศูนย์ไปรษณีย์ชายแดน เจาะตลาดขนส่งระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังคงเดินหน้าพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาสังคมไทยให้ทันสมัยและก้าวหน้ายั่งยืนด้วยการเป็นผู้นำทางของคนไทยทุกคน