
มากกว่าความรับผิดชอบสังคม แต่คือบิ๊กโปรเจกต์กู้สิ่งแวดล้อมโลก ภารกิจ “ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซอง เป็นของขวัญปีใหม่ 2564”
ในช่วงการก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 การเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซมีบทบาทสำคัญและมีอิทธิพลต่อธุรกิจโลจิสติกส์เป็นอย่างมาก
โดย สถิติจากเว็บไซต์ allied market research พบว่า ตั้งแต่ปี 2559 – 2563 ธุรกิจโลจิสติกส์โลกมีค่าเฉลี่ยโตเพิ่มขึ้น
3.48% และในประเทศไทยเองก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
โดยเฉพาะในปี 2563 ที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไรรัสโควิด
– 19
ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปรับตัว
เกิดการสร้างช่องทางใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเดือนมกราคม
2563 มีการผลิตบรรจุภัณฑ์มากถึง 94,572 ตัน ซึ่งสูงกว่าเดือนธันวาคม 2562 กว่า 8,500 ตัน
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราจะมีวิธีการจัดการกับ “ขยะ” ที่เกิดจากการใช้บรรจุภัณฑ์
หรือจะนำไปใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าใหม่อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
เมื่อไม่นานมานี้
หนึ่งในองค์กรที่มีความเกี่ยวพันกับการใช้บรรจุภัณฑ์อย่าง “ไปรษณีย์ไทย” ได้แสดงจุดยืนที่จะเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสังคม
โดยได้เริ่มดำเนินโครงการ “ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่องเป็นของขวัญปีใหม่ 2564” เพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วยการนำบรรจุภัณฑ์อย่างกล่องพัสดุและซองที่ผ่านการใช้แล้วมาสร้างประโยชน์ใหม่ที่มีคุณค่า
พร้อมลดปริมาณขยะที่กำลังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินโครงการนี้เป็นไปตามหลัก
3R คือ Reduce ลดการใช้ Reuse การใช้ซ้ำ และ Recycle การนำกลับมาใช้ใหม่ นอกจากนี้ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่ใช้บริการขนส่งจากเอกชนค่ายต่างๆ
ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคมในโครงการนี้ด้วยกันอีกด้วย
ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า
กล่องพัสดุและซองกระดาษที่เกิดจากการขนส่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีแนวทางในการนำกลับมาใช้ใหม่
หรือนำไปต่อยอดที่เป็นรูปธรรม
ปัจจุบันมีกล่องและซองจำนวนมากที่ถูกทิ้ง ถูกขายเป็นเศษกระดาษ หรือนำไปกำจัดด้วยการเผา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะสิ่งเหล่านี้สามารถใช้ซ้ำ
และสร้างประโยชน์ในรูปแบบอื่น ๆ โดยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้
ไปรษณีย์ไทยจึงได้ดำเนินโครงการ ไปรษณีย์ reBOX เพื่อเป็นสื่อกลางในการนำกล่องและซองที่ไม่ใช้แล้วเข้าสู่ระบบการรีไซเคิลเป็นชุดโต๊ะและเก้าอี้
สำหรับมอบให้กับน้องๆ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ และถือได้ว่าเป็นการคิกออฟแคมเปญด้านสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินอย่างจริงจังซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนเป็นอย่างดี
“ไปรษณีย์ไทยขอบคุณคนไทยที่ให้การตอบรับ
แคมเปญ “ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซองเป็นของขวัญปีใหม่ 2564” เป็นอย่างดี โดยระยะเวลากว่า
2 เดือนมียอดกล่องพัสดุและซองกระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้วส่งเข้ามาในระบบมากถึง 55,000 กิโลกรัม
เมื่อเปรียบเทียบปริมาณการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องพบว่า
หากนำกล่องและซองเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ใหม่จะช่วยลดการตัดต้นไม้ได้ถึง 935 ต้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 220,000 กิโลวัตต์ ลดคาร์บอนฟุตปริ้นต์ที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์และเป็นตัวการของภาวะโลกร้อนได้
37,400 กิโลกรัม
สามารถลดการใช้น้ำมันที่เกิดจากกิจกรรมการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกถึง 20,900 แกลลอน
นอกจากนี้ยังสามารถลดการใช้น้ำได้ 385,000 แกลลอน
ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ช่วยทั้งลดการใช้และลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติได้ในระดับที่น่าพอใจ
และเชื่อว่าจะเป็นต้นแบบให้กับองค์กรอื่นๆ
ได้ตระหนักถึงประเด็นการสร้างความยั่งยืนให้กับบรรจุภัณฑ์ได้ในอนาคต ซึ่งไปรษณีย์ไทยเองก็มีแผนต่อยอดแคมเปญไปรษณีย์
reBOX โดยนำกล่อง/ซองไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ
ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ โครงการไปรษณีย์ reBOX ยังได้รับการตอบรับจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ
และภาคเอกชนที่ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม
รวบรวมกล่อง/ซองที่ไม่ใช้แล้วจำนวนมากในหน่วยงาน
และร่วมเป็นจุดให้บริการรับรวบรวมกล่อง/ซองจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
กองบัญชาการกองทัพไทย บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด บริษัท กสท โทรคมนาคม
จำกัด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย บริษัท เอก-ชัย
ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด บริษัท เอส.ซี. เสรีชัยบิวตี้ จำกัด มูลนิธิก้าวคนละก้าว
โครงการวน โดย บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้
มาเนจเมนท์ จำกัด คอนโด บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จํากัด (มหาชน) The Base สุขุมวิท 77 รวมทั้งอีกหลายๆ
หน่วยงาน โดยไปรษณีย์ไทยได้รวบรวมกล่อง/ซองที่ได้รับและทยอยส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
เปลี่ยนกล่อง/ซองเป็นชุดโต๊ะ เก้าอี้เพื่อส่งมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับน้องๆ
นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศในเดือนธันวาคมนี้”
นายก่อกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า
รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในปีนี้ถือว่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้หลายๆ
ธุรกิจต่างพากันสรรหาโซลูชั่นที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด
เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีและน่าชื่นชม
แต่ต้องไม่ลืมว่าในประเด็นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
โดยเฉพาะแนวคิด Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่เหมาะกับบริบทของประเทศไทยที่มีการบริโภค
มีการใช้จ่าย และมีการผลิตสินค้าต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งไปรษณีย์ไทยพร้อมดำเนินงานตามแนวทางที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อย่างไม่สูญเปล่า
และมุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป