
ไปรษณีย์ไทยยืนหยัดเคียงข้างคนไทยส่งความห่วงใยทั่วโลก ขอปรับรูปแบบไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศหลังตรึงราคาเดิมตลอด 22 ปี มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. 63 นี้
ไปรษณีย์ไทยแจงผู้ใช้บริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศปรับตัวตามวิถีโลกที่เปลี่ยนไปจากวิกฤตการณ์
โควิด-19 รวมทั้งการคงราคาค่าบริการเดิมตลอด 22 ปี แม้จะมีต้นทุนการขนส่งเพิ่มก็ตาม แต่ครั้งนี้มีความจำเป็นต้องขอปรับเปลี่ยนรูปแบบการคิดค่าบริการใหม่ ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพสากลไปรษณีย์ที่กำกับดูแลการไปรษณีย์ทั่วโลก และต้นทุนค่านำจ่ายปลายทางที่การไปรษณีย์ต่างประเทศเรียกเก็บสูงขึ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563
“สำหรับรูปแบบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลกับทุกประเทศปลายทาง ทำให้การไปรษณีย์แต่ละประเทศสามารถควบคุมมาตรฐานการจัดส่งและการคัดแยกประเภทสิ่งของได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการปรับรูปแบบบริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศที่จะเปลี่ยนไปในครั้งนี้ได้แก่ การวัดขนาดซองจดหมาย ของตีพิมพ์ด้วยเครื่องมือวัดขนาดสิ่งของ (Format Indicator) จดหมายมีขนาดไม่เกิน 305x381 มม. และหนาไม่เกิน 20 มม. กระดาษต้องแยกเป็นแผ่นๆได้ ไม่เป็นรูปเล่มและไม่มีวัสดุอื่นปะปน จดหมาย ของตีพิมพ์ น้ำหนักเริ่มต้นที่ 20 กรัม และคิดเพิ่มพิกัดละ 10 กรัม พัสดุย่อยน้ำหนักเริ่มต้นที่ 50 กรัม และคิดเพิ่มพิกัดละ 50 กรัม ไปรษณียภัณฑ์ลงทะเบียนระหว่างประเทศน้ำหนักเริ่มต้นที่ 50 กรัมและคิดเพิ่มพิกัดละ 50 กรัม ราคาขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง คิดค่าธรรมเนียมพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Surcharge) เฉพาะบริการพัสดุย่อยทางอากาศ (Air) และบริการลงทะเบียนทางอากาศ (Air) 40 บาท / ชิ้น ส่วนบริการจดหมายทางอากาศจะไม่เรียกเก็บ ปรับอัตราค่าบริการประเทศปลายทางสหรัฐอเมริกาตามข้อกำหนดของราคานำจ่ายภายในประเทศที่เรียกเก็บจากต้นทางทั่วโลก ปรับอัตราค่าบริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศทางภาคพื้น ยกเลิกบริการจดหมาย ของตีพิมพ์ และพัสดุย่อยระหว่างประเทศทางอากาศราคาประหยัด (SAL) ทุกประเทศปลายทาง
ซึ่งสามารถใช้บริการขนส่งทางอากาศแทนได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563”
โควิด-19 รวมทั้งการคงราคาค่าบริการเดิมตลอด 22 ปี แม้จะมีต้นทุนการขนส่งเพิ่มก็ตาม แต่ครั้งนี้มีความจำเป็นต้องขอปรับเปลี่ยนรูปแบบการคิดค่าบริการใหม่ ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพสากลไปรษณีย์ที่กำกับดูแลการไปรษณีย์ทั่วโลก และต้นทุนค่านำจ่ายปลายทางที่การไปรษณีย์ต่างประเทศเรียกเก็บสูงขึ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
(ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยคงอัตราค่าบริการและรูปแบบการให้บริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศ
ซึ่งครอบคลุมจดหมาย ของตีพิมพ์ ไปรษณียบัตร พัสดุย่อยที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2
กิโลกรัม ทั้งขนส่งทางภาคพื้น ทางอากาศราคาประหยัดและทางอากาศ มาถึง 22 ปี
โดยไม่ได้เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการเพิ่มแม้ต้นทุนจากประเทศปลายทางจะเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม และเพื่อช่วยให้การส่งเอกสาร สิ่งของหรือสินค้าไปต่างประเทศเป็นไปได้ตามมาตรฐานทั่วโลก
จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการให้บริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศ
ซึ่งทุกการปรับเปลี่ยนไปรษณีย์ไทยคำนึงถึงผลกระทบของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ
ให้สมกับผู้รับหน้าที่ส่งมอบความสุขความห่วงใยจากคนไทยสู่ต่างแดนได้อย่างมีคุณภาพและคุ้มค่ามากที่สุด
“สำหรับรูปแบบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลกับทุกประเทศปลายทาง ทำให้การไปรษณีย์แต่ละประเทศสามารถควบคุมมาตรฐานการจัดส่งและการคัดแยกประเภทสิ่งของได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการปรับรูปแบบบริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศที่จะเปลี่ยนไปในครั้งนี้ได้แก่ การวัดขนาดซองจดหมาย ของตีพิมพ์ด้วยเครื่องมือวัดขนาดสิ่งของ (Format Indicator) จดหมายมีขนาดไม่เกิน 305x381 มม. และหนาไม่เกิน 20 มม. กระดาษต้องแยกเป็นแผ่นๆได้ ไม่เป็นรูปเล่มและไม่มีวัสดุอื่นปะปน จดหมาย ของตีพิมพ์ น้ำหนักเริ่มต้นที่ 20 กรัม และคิดเพิ่มพิกัดละ 10 กรัม พัสดุย่อยน้ำหนักเริ่มต้นที่ 50 กรัม และคิดเพิ่มพิกัดละ 50 กรัม ไปรษณียภัณฑ์ลงทะเบียนระหว่างประเทศน้ำหนักเริ่มต้นที่ 50 กรัมและคิดเพิ่มพิกัดละ 50 กรัม ราคาขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง คิดค่าธรรมเนียมพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Surcharge) เฉพาะบริการพัสดุย่อยทางอากาศ (Air) และบริการลงทะเบียนทางอากาศ (Air) 40 บาท / ชิ้น ส่วนบริการจดหมายทางอากาศจะไม่เรียกเก็บ ปรับอัตราค่าบริการประเทศปลายทางสหรัฐอเมริกาตามข้อกำหนดของราคานำจ่ายภายในประเทศที่เรียกเก็บจากต้นทางทั่วโลก ปรับอัตราค่าบริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศทางภาคพื้น ยกเลิกบริการจดหมาย ของตีพิมพ์ และพัสดุย่อยระหว่างประเทศทางอากาศราคาประหยัด (SAL) ทุกประเทศปลายทาง
ซึ่งสามารถใช้บริการขนส่งทางอากาศแทนได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563”
ทั้งนี้
บริการระหว่างประเทศอื่นๆ อาทิ Courier Post
EMS World Logispost World ePacket ฯลฯ
ยังคงให้บริการตามเงื่อนไขเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไปรษณีย์ไทยจะรับหน้าที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์และธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างดีที่สุด สามารถตรวจสอบรายละเอียดการให้บริการและประเทศปลายทางที่ส่งได้ในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ทางเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th หรือโทร. THP Contact Center 1545
ยังคงให้บริการตามเงื่อนไขเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไปรษณีย์ไทยจะรับหน้าที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์และธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างดีที่สุด สามารถตรวจสอบรายละเอียดการให้บริการและประเทศปลายทางที่ส่งได้ในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ทางเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th หรือโทร. THP Contact Center 1545