ไปรษณีย์ไทยเผยรายได้ผลประกอบการครึ่งปีแรก ดีเดย์ภาพลักษณ์ใหม่ชูแบรนด์เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย
เดินหน้าพัฒนาคุณภาพบริการ และขยายธุรกิจสอดรับกับไลฟ์สไตล์คนไทย สนับสนุนทุกธุรกิจไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก เปิดตัวโครงการจำหน่ายสินค้าฮาลาล ร่วมกับ ศอ.บต. ช่วยกระจายสินค้าให้ผู้ประกอบการชายแดนภาคใต้ พร้อมดีเดย์ภาพลักษณ์ใหม่บริการ EMS ตอบโจทย์เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย
คณะกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พร้อมด้วย นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และทีมผู้บริหารร่วมกันแถลงถึงผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2558 รวมทั้งยุทธศาสตร์และแนวทางในการดำเนินงานของ ปณท
ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพในเชิงธุรกิจนั้น ไปรษณีย์ไทย จะมุ่งรักษาตลาดสื่อสารควบคู่ไปกับการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งตลาดขนส่ง ค้าปลีก และการเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และขยายโอกาสทางธุรกิจ เป็น Smart Post ของชาติไทย พัฒนารูปแบบการขนส่งสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ดำเนินงานตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลของรัฐบาล และสนับสนุนให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับโลกด้วยเครือข่ายที่มีคุณภาพ ทั้งด้านบุคลากร มาตรฐานคุณภาพบริการ และครอบคลุมเข้าถึงคนไทยทุกครัวเรือน
นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวถึงผลการดำเนินงานของ ปณท ว่า ในครึ่งปีแรก (ม.ค. - มิ.ย. 58) นั้น ปณท มีรายได้รวมทั้งสิ้น 11,048.94 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,361.18 ล้านบาท “ปัจจัยสำคัญมาจากการขยายตัวของธุรกิจขนส่ง ซึ่งเติบโตขึ้นจากบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) สร้างรายได้เป็นอันดับหนึ่งคือ 5,127.92 ล้านบาท หรือ 46.36% ขณะที่ธุรกิจสื่อสารมีสัดส่วนรายได้ 43.63 % หรือ 4,860.31 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกมีรายได้ 439.50 ล้านบาท หรือ 4.49 % ตามด้วยธุรกิจการเงิน 286.72 ล้านบาท” พร้อมระบุเป้าหมายรายได้ของปี 2558 ว่าจะอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายปิยะวัตร์ ยังได้ย้ำถึงการพัฒนาคุณภาพบริการหลักของ ปณท อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่บุคลากร ระบบปฏิบัติการ และไอทีเป็นสำคัญ ปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานการให้บริการไปรษณีย์ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่กระบวนการรับฝาก - ส่งต่อ - นำจ่าย โดยจัดให้มีจุดบริการหุ้มห่อสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ เพื่อให้คำแนะนำ และบริการประชาชนในการเลือกใช้วัสดุและหุ้มห่อสิ่งของที่ฝากส่งให้ถูกวิธี เหมาะสมกับประเภทของสิ่งของที่ฝากส่ง และจัดกิจกรรม “ชดใช้ค่าเสียหายสำหรับบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการเลือกใช้บริการของจุดให้บริการหุ้มห่อ เพื่อให้การฝากส่งสิ่งของเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์เมื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง/ ตรวจสอบการหุ้มห่อ ณ จุดให้บริการหุ้มห่อฯ และมีการประทับตรา “ตรวจสอบแล้ว” ถือว่าสิ่งของฯ มีการหุ้มห่อที่มั่นคงแข็งแรงเพียงพอ ไปรษณีย์ไทยจะมีการรับประกันการชำรุด แตกหัก เสียหาย โดยจะชดใช้ค่าเสียหายในอัตราเพิ่มพิเศษ 1.5 เท่า ของมูลค่าสิ่งของแต่ไม่เกิน 3,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 16 พฤศจิกายน 2558 เฉพาะที่ทำการไปรษณีย์ที่เข้าร่วมโครงการ 17 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
พัฒนาระบบการขนส่งให้มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น มีเครื่องคัดแยกแบบสายพานช่วยในการปฏิบัติงานคัดแยกสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ประเภทกล่องและซองขนาดใหญ่ ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ภายในที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง ปรับปรุงอุปกรณ์ไปรษณีย์ (ลังพลาสติก/ ถุงไปรษณีย์แบบกล่อง/ กระบะบรรจุไปรษณีย์) และอุปกรณ์เคลื่อนย้าย (Dolly) ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการนำจ่าย โดยการพัฒนาระบบนำจ่ายสิ่งของที่มีขนาดใหญ่/กล่อง การนำจ่ายในอาคารสูงและการนำจ่ายในช่วงฤดูฝน เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่ขึ้น ด้วยการนำจ่ายโดยรถยนต์ รวมไปถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เป็นเครือข่ายน้ำใจของคนไทยเพื่อช่วยเหลือสังคมไทย ด้วยการส่งต่อสิ่งของ ส่งมอบทุกความช่วยเหลือไปสู่สังคมไทยและนานาประเทศที่ได้รับความเดือดร้อน ส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนไทยผ่านดวงตราไปรษณียากร และริเริ่มโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข สนับสนุนให้ชุมชนในท้องถิ่น เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเริ่มนำร่องที่กลุ่มผลิตข้าวฮางบ้านกุดจิก อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร และกลุ่มสหกรณ์ประตูป่า จ.ลำพูน ... อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ดาวน์โหลดข้างล่าง
คณะกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พร้อมด้วย นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และทีมผู้บริหารร่วมกันแถลงถึงผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2558 รวมทั้งยุทธศาสตร์และแนวทางในการดำเนินงานของ ปณท
ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพในเชิงธุรกิจนั้น ไปรษณีย์ไทย จะมุ่งรักษาตลาดสื่อสารควบคู่ไปกับการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งตลาดขนส่ง ค้าปลีก และการเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และขยายโอกาสทางธุรกิจ เป็น Smart Post ของชาติไทย พัฒนารูปแบบการขนส่งสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ดำเนินงานตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลของรัฐบาล และสนับสนุนให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับโลกด้วยเครือข่ายที่มีคุณภาพ ทั้งด้านบุคลากร มาตรฐานคุณภาพบริการ และครอบคลุมเข้าถึงคนไทยทุกครัวเรือน
นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวถึงผลการดำเนินงานของ ปณท ว่า ในครึ่งปีแรก (ม.ค. - มิ.ย. 58) นั้น ปณท มีรายได้รวมทั้งสิ้น 11,048.94 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,361.18 ล้านบาท “ปัจจัยสำคัญมาจากการขยายตัวของธุรกิจขนส่ง ซึ่งเติบโตขึ้นจากบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) สร้างรายได้เป็นอันดับหนึ่งคือ 5,127.92 ล้านบาท หรือ 46.36% ขณะที่ธุรกิจสื่อสารมีสัดส่วนรายได้ 43.63 % หรือ 4,860.31 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกมีรายได้ 439.50 ล้านบาท หรือ 4.49 % ตามด้วยธุรกิจการเงิน 286.72 ล้านบาท” พร้อมระบุเป้าหมายรายได้ของปี 2558 ว่าจะอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายปิยะวัตร์ ยังได้ย้ำถึงการพัฒนาคุณภาพบริการหลักของ ปณท อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่บุคลากร ระบบปฏิบัติการ และไอทีเป็นสำคัญ ปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานการให้บริการไปรษณีย์ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่กระบวนการรับฝาก - ส่งต่อ - นำจ่าย โดยจัดให้มีจุดบริการหุ้มห่อสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ เพื่อให้คำแนะนำ และบริการประชาชนในการเลือกใช้วัสดุและหุ้มห่อสิ่งของที่ฝากส่งให้ถูกวิธี เหมาะสมกับประเภทของสิ่งของที่ฝากส่ง และจัดกิจกรรม “ชดใช้ค่าเสียหายสำหรับบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการเลือกใช้บริการของจุดให้บริการหุ้มห่อ เพื่อให้การฝากส่งสิ่งของเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์เมื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง/ ตรวจสอบการหุ้มห่อ ณ จุดให้บริการหุ้มห่อฯ และมีการประทับตรา “ตรวจสอบแล้ว” ถือว่าสิ่งของฯ มีการหุ้มห่อที่มั่นคงแข็งแรงเพียงพอ ไปรษณีย์ไทยจะมีการรับประกันการชำรุด แตกหัก เสียหาย โดยจะชดใช้ค่าเสียหายในอัตราเพิ่มพิเศษ 1.5 เท่า ของมูลค่าสิ่งของแต่ไม่เกิน 3,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 16 พฤศจิกายน 2558 เฉพาะที่ทำการไปรษณีย์ที่เข้าร่วมโครงการ 17 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
พัฒนาระบบการขนส่งให้มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น มีเครื่องคัดแยกแบบสายพานช่วยในการปฏิบัติงานคัดแยกสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ประเภทกล่องและซองขนาดใหญ่ ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ภายในที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง ปรับปรุงอุปกรณ์ไปรษณีย์ (ลังพลาสติก/ ถุงไปรษณีย์แบบกล่อง/ กระบะบรรจุไปรษณีย์) และอุปกรณ์เคลื่อนย้าย (Dolly) ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการนำจ่าย โดยการพัฒนาระบบนำจ่ายสิ่งของที่มีขนาดใหญ่/กล่อง การนำจ่ายในอาคารสูงและการนำจ่ายในช่วงฤดูฝน เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่ขึ้น ด้วยการนำจ่ายโดยรถยนต์ รวมไปถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เป็นเครือข่ายน้ำใจของคนไทยเพื่อช่วยเหลือสังคมไทย ด้วยการส่งต่อสิ่งของ ส่งมอบทุกความช่วยเหลือไปสู่สังคมไทยและนานาประเทศที่ได้รับความเดือดร้อน ส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนไทยผ่านดวงตราไปรษณียากร และริเริ่มโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข สนับสนุนให้ชุมชนในท้องถิ่น เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเริ่มนำร่องที่กลุ่มผลิตข้าวฮางบ้านกุดจิก อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร และกลุ่มสหกรณ์ประตูป่า จ.ลำพูน ... อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ดาวน์โหลดข้างล่าง