
ไปรษณีย์ไทย เสริมจุดแกร่งโลจิสติกส์ เปิดบริษัทในเครือ “ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น” ชูจุดแข็ง “บริการขนส่งและกระจายสินค้าแบบครบวงจร” ตั้งเป้าเป็นผู้นำขนส่งในภูมิภาคอินโดจีน ภายในปี 2562
กรุงเทพฯ 4 มิถุนายน 2558 – บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) มุ่งสู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร เปิดบริษัทในเครือ “ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น” (ปณท.ดบ.) เพิ่มศักยภาพให้บริการขนส่งและกระจายสินค้า รวมทั้งบริหารจัดการคลังสินค้าครบวงจรตามมาตรฐานสากล และเป็นกลไกในการพัฒนาด้านการขนส่งของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เจาะกลุ่มลูกค้าภาครัฐบาล ธุรกิจเอกชน e-Commerce กลุ่มยาและเวชภัณฑ์ ด้วยจุดแข็ง “บริการขนส่งและกระจายสินค้าแบบครบวงจร” (Total Logistics Solution) พร้อมเป็นทางเลือกที่สำคัญของธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศกลุ่มอินโดนจีนภายในปี 2562 คาดจะมีรายได้จากตลาดเป้าหมายหลัก 400 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี โดยงานเปิดบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด จัดขึ้น ณ อาคารคลังสินค้า บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ถนนบางนา - ตราด กม.19 โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นประธานในพิธี
ไปรษณีย์ไทย ประกาศขานรับนโยบาย Digital Economy ด้วยความพร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชื่อมต่อโครงการด้านโลจิสติกส์ เป็นบริษัทขนส่งและกระจายสินค้าของชาติไทย เพื่อให้บริการคนไทยในทุกระดับ ทุกพื้นที่ พร้อมเป็นแกนนำหลักในการวางรากฐานเพื่อพัฒนาโลจิสติกส์ไทย โดยไม่ได้มุ่งเน้นที่จะดำเนินธุรกิจในลักษณะที่แข่งขันกับบริษัทเอกชน แต่จะเข้ามาเติมเต็มให้การขนส่งของภาครัฐเข้มแข็งขึ้น เพื่อคนไทยจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้บริการ เชื่อว่าไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้นโยบาย Digital Economy บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยศักยภาพเครือข่ายไปรษณีย์ที่เข้าถึงชีวิตคนไทย พร้อมเป็นฟันเฟืองพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าว
นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวถึงนโยบายในการจัดตั้งบริษัทในเครือว่า ด้วยประสบการณ์ในการบริการไปรษณีย์แก่คนไทยมายาวนานกว่า 130 ปี ซึ่งจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และพฤติกรรมการซื้อขายผ่าน e-Commerce ส่งผลให้มีปริมาณความต้องการใช้บริการในกลุ่มธุรกิจขนส่งเพิ่มมากขึ้น ไปรษณีย์ไทยจึงนโยบายในการจัดตั้งบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ขึ้น เพื่อก้าวไปสู่การให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรเพื่อคนไทย
ไปรษณีย์ไทยมุ่งหวังให้ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของไปรษณีย์ไทยครบวงจรมากขึ้น และสามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการและนโยบายรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นจะต้องพัฒนาคุณภาพบริการให้มีมาตรฐาน พัฒนาระบบการบริหารจัดการต่างๆ ยกระดับความสามารถของระบบให้บริการขนส่งทางถนนเพื่อขยายสู่การขนส่งข้ามประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และจะต้องเพิ่มความสามารถในการทำกำไร สร้างรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ด้าน นางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวถึงภารกิจของบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ว่า “การเข้ามาดำเนินธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้าของไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นนั้น เชื่อว่าจะมีโอกาสเติบโตได้เป็นอย่างดี และยังทำให้การให้บริการของบริษัทแม่คือไปรษณีย์ไทยเองครบวงจรมากยิ่งขึ้น ด้วยการให้บริการแบบหน่วยงานรัฐต่อหน่วยงานรัฐ(G2G) ธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) และธุรกิจต่อลูกค้า (B2C) โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มยาและเวชภัณฑ์
อุปกรณ์สื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์และไอที และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน กลุ่ม e-Commerce และ Mail order นอกจากนี้ยังมีการให้บริการลูกค้าผ่านหน่วยไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ในลักษณะการขนส่งสินค้าแบบเหมาคัน การขนส่งสินค้าในรูปแบบ Milk Run, Consolidate สินค้า วัตถุดิบจากแหล่งผลิต เช่น การรับเส้นหมี่จากจันทบุรี น้ำผัดจากโคราช ไปส่งโรงงานผู้ผลิตสินค้าสำเร็จรูป และกระจายไปยังร้านค้า หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และยังจะเน้นการบริหารจัดการขนส่งที่สัมพันธ์กันระหว่างเที่ยวไปและเที่ยวกลับ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น และสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ไปรษณีย์ไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย”
นายวรการ ศรีนวลนัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณท.ดบ.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานว่า ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งและกระจายสินค้าแบบครบวงจร (Total Logistics Solution) ที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคอินโดจีน เพื่อประโยชน์และสนับสนุนนโยบายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ต่อไป พร้อมให้บริการทางด้านบริการคลังสินค้า การจัดเก็บรักษาสินค้า ภายใต
ไปรษณีย์ไทย ประกาศขานรับนโยบาย Digital Economy ด้วยความพร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชื่อมต่อโครงการด้านโลจิสติกส์ เป็นบริษัทขนส่งและกระจายสินค้าของชาติไทย เพื่อให้บริการคนไทยในทุกระดับ ทุกพื้นที่ พร้อมเป็นแกนนำหลักในการวางรากฐานเพื่อพัฒนาโลจิสติกส์ไทย โดยไม่ได้มุ่งเน้นที่จะดำเนินธุรกิจในลักษณะที่แข่งขันกับบริษัทเอกชน แต่จะเข้ามาเติมเต็มให้การขนส่งของภาครัฐเข้มแข็งขึ้น เพื่อคนไทยจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้บริการ เชื่อว่าไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้นโยบาย Digital Economy บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยศักยภาพเครือข่ายไปรษณีย์ที่เข้าถึงชีวิตคนไทย พร้อมเป็นฟันเฟืองพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าว
นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวถึงนโยบายในการจัดตั้งบริษัทในเครือว่า ด้วยประสบการณ์ในการบริการไปรษณีย์แก่คนไทยมายาวนานกว่า 130 ปี ซึ่งจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และพฤติกรรมการซื้อขายผ่าน e-Commerce ส่งผลให้มีปริมาณความต้องการใช้บริการในกลุ่มธุรกิจขนส่งเพิ่มมากขึ้น ไปรษณีย์ไทยจึงนโยบายในการจัดตั้งบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ขึ้น เพื่อก้าวไปสู่การให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรเพื่อคนไทย
ไปรษณีย์ไทยมุ่งหวังให้ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของไปรษณีย์ไทยครบวงจรมากขึ้น และสามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการและนโยบายรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นจะต้องพัฒนาคุณภาพบริการให้มีมาตรฐาน พัฒนาระบบการบริหารจัดการต่างๆ ยกระดับความสามารถของระบบให้บริการขนส่งทางถนนเพื่อขยายสู่การขนส่งข้ามประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และจะต้องเพิ่มความสามารถในการทำกำไร สร้างรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ด้าน นางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวถึงภารกิจของบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ว่า “การเข้ามาดำเนินธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้าของไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นนั้น เชื่อว่าจะมีโอกาสเติบโตได้เป็นอย่างดี และยังทำให้การให้บริการของบริษัทแม่คือไปรษณีย์ไทยเองครบวงจรมากยิ่งขึ้น ด้วยการให้บริการแบบหน่วยงานรัฐต่อหน่วยงานรัฐ(G2G) ธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) และธุรกิจต่อลูกค้า (B2C) โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มยาและเวชภัณฑ์
อุปกรณ์สื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์และไอที และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน กลุ่ม e-Commerce และ Mail order นอกจากนี้ยังมีการให้บริการลูกค้าผ่านหน่วยไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ในลักษณะการขนส่งสินค้าแบบเหมาคัน การขนส่งสินค้าในรูปแบบ Milk Run, Consolidate สินค้า วัตถุดิบจากแหล่งผลิต เช่น การรับเส้นหมี่จากจันทบุรี น้ำผัดจากโคราช ไปส่งโรงงานผู้ผลิตสินค้าสำเร็จรูป และกระจายไปยังร้านค้า หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และยังจะเน้นการบริหารจัดการขนส่งที่สัมพันธ์กันระหว่างเที่ยวไปและเที่ยวกลับ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น และสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ไปรษณีย์ไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย”
นายวรการ ศรีนวลนัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณท.ดบ.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานว่า ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งและกระจายสินค้าแบบครบวงจร (Total Logistics Solution) ที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคอินโดจีน เพื่อประโยชน์และสนับสนุนนโยบายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ต่อไป พร้อมให้บริการทางด้านบริการคลังสินค้า การจัดเก็บรักษาสินค้า ภายใต