
“ไปรษณีย์ไทย” ขอบคุณคนไทยที่เชื่อมั่นและเลือกใช้บริการไปรษณีย์ไทย เป็นลำดับแรก เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นสูงถึง 88% พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาบริการ ‘ส่งเร็ว-ส่งดี’ ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการทุกคน
กรุงเทพฯ 30
ธันวาคม 2562 - บริษัท
ไปรษณีย์ไทย จำกัด เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นในแบรนด์ไปรษณีย์ไทย ปี 2562 สูงถึงร้อยละ 88 ซึ่งสูงกว่าปี 2561
ที่ผลสำรวจอยู่ที่ร้อยละ 85.6 โดยมีปัจจัยจากการยกระดับคุณภาพบริการให้มีความรวดเร็วตอบโจทย์ตลาดอีคอมเมิร์ซ
ด้วยบริการ EMS Same Day/Next Day บริการเก็บเงินปลายทาง
(COD) ไปรษณีย์ 24 ชั่วโมง 365 วัน และในปี 2563 ไปรษณีย์ไทยเตรียมพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการให้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้งเครื่องคัดแยกเพิ่มอีก
7 เครื่อง สามารถรองรับปริมาณชิ้นงานได้กว่า 60 ล้านชิ้นต่อเดือน มุ่งมั่นส่งมอบคุณภาพบริการ “ส่งด่วน-ส่งดี”
เพื่อผู้ใช้บริการไทยทุกคน
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในทุกๆ ปีไปรษณีย์ไทยมีการสำรวจเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในแบรนด์ไปรษณีย์ไทย
เพื่อนำความคิดเห็นจากบุคคลทั่วไปที่มีต่อไปรษณีย์ไทยมาปรับปรุงคุณภาพบริการให้ดียิ่งขึ้น
สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งตั้งแต่ปี 2560 ผลสำรวจความเชื่อมั่นของไปรษณีย์ไทยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
โดยในปี 2560 ผลสำรวจอยู่ที่ร้อยละ 82.8
ปี 2561 ผลสำรวจอยู่ที่ร้อยละ 85.6 และในปี 2562 ผลสำรวจอยู่ที่ร้อยละ
88 โดยเก็บข้อมูลกับกลุ่มลูกค้า/ประชาชนที่ใช้บริการไปรษณีย์
และไม่ได้ใช้บริการไปรษณีย์ ระหว่างวันที่ 18 ต.ค. 2562
– 18 พ.ย. 2562 จำนวน 3,840
ราย แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้บริการมีความเชื่อมั่นในแบรนด์ไปรษณีย์ไทยมากยิ่งขึ้น
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้บริการเชื่อมั่นในไปรษณีย์ไทยมาจากการพัฒนาคุณภาพบริการให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยได้พัฒนาคุณภาพบริการ EMS ในประเทศจากเดิมที่ใช้เวลา
2-3 วันในการส่งให้เร็วขึ้นเป็น ส่งเช้าได้บ่าย
ส่งได้บ่ายวันรุ่งขึ้น หรือ Same Day/ Next Day โดยปัจจุบันไปรษณีย์ไทยสามารถให้บริการ EMS Same Day
ได้แล้วทุกพื้นที่สำหรับการฝากส่งภายใน 11.00 น. ในกรุงเทพ/ ปริมณฑล และการฝากส่งในพื้นที่อำเภอเดียวกัน
จังหวัดเดียวกัน ส่วน EMS Next Day Day ฝากส่งภายใน 17.00 น. นำจ่ายภายในวันรุ่งขึ้น จากต้นทางพื้นที่กรุงเทพฯ
สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ถึงปลายทางไปรษณีย์จังหวัดทุกแห่ง (ยกเว้นไปรษณีย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน)
และจากต้นทางไปรษณีย์จังหวัดทุกแห่ง (ยกเว้น ไปรษณีย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน)
ถึงปลายทางพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยเล็งเห็นถึงการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า
20% โดยในปี 2562 ไปรษณีย์ไทยรองรับปริมาณสิ่งของฝากแล้วกว่า
3,000 ล้านชิ้น และคาดว่าจะมีปริมาณชิ้นงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ จึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้วยการปูพรมติดตั้งเครื่องคัดแยกเพิ่มพัสดุแบบกล่อง หรือ Cross Belt
Sorter ที่มีประสิทธิภาพในการคัดแยกสิ่งของได้กว่า 6,500,000 ชิ้นต่อเดือน ณ ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่ เพื่อรองรับปริมาณงานทั่วประเทศที่จะเพิ่มขึ้นในปี
2563 โดยการติดตั้งเครื่อง Cross Belt Sorter ณ ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่
นับเป็นเครื่องที่ 2 ต่อจากศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชา มีประสิทธิภาพในการคัดแยกสิ่งของได้กว่า
6,500,000
ชิ้นต่อเดือน ซึ่งเมื่อรวมศักยภาพของทั้งสองเครื่องแล้วจะรองรับปริมาณงานได้มากถึง
13,000,000 ชิ้นต่อเดือน และในปี 2563
จะติดตั้งเครื่องคัดแยก ณ ศูนย์ไปรษณีย์ อีก 7 แห่ง
รวมเป็น 9 เครื่อง ซึ่งเมื่อใช้งานอย่างเต็มระบบจะสามารถรองรับปริมาณงานได้
60,000,000 ชิ้นต่อเดือน
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้บริการเชื่อมั่นในแบรนด์ไปรษณีย์ไทยคือความมุ่งมั่นให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
โดยบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ Cash On Delivery (COD) หรือบริการเก็บเงินปลายทาง ผ่าน Wallet@post
ซึ่งผู้ส่งจะได้รับค่าสินค้ากลับเข้าสู่ระบบภายใน 2 วัน
ส่วนผู้รับสามารถเลือกชำระค่าสินค้าได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ เงินสด แอปพลิเคชันWallet@Post
และโมบายแบงค์กิ้ง อีกทั้งไปรษณีย์ไทยยังได้ขยายเวลาให้บริการถึง
23.00 น. ที่ไปรษณีย์สามเสนใน ไปรษณีย์สำเหร่ ไปรษณีย์จรเข้บัว ไปรษณีย์นนทบุรีและ “ไปรษณีย์ 24
ชั่วโมง 365 วัน” ที่เปิดให้บริการฝากส่งไม่มีวันหยุดที่ไปรษณีย์เดอะสตรีท รัชดา
ไปรษณีย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ไปรษณีย์ศูนย์การค้า white mall และศูนย์ไปรษณีย์ EMS
หลักสี่”
นางสมร กล่าวเพิ่มเติมว่า ไปรษณีย์ขอขอบคุณผู้ใช้บริการไทยทุกคนที่เชื่อมั่นและเลือกใช้บริการของไปรษณีย์ไทยเสมอมา ทั้งนี้
ในปี 2563 ไปรษณีย์ไทยพร้อมที่จะส่งต่อบริการที่มีคุณภาพ
“ส่งด่วน-ส่งดี”เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม
พร้อมทั้งใช้ศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ ของคนไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงด้วยมาตรฐานสากลที่ผู้ใช้บริการไทยนึกถึงลำดับแรกต่อไป
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.thailandpost.co.th หรือสอบถามข้อมูลอื่นๆ
ได้ที่ THP
Contact Center 1545