รูปภาพโฆณา แบบภาพวนซ้ำ

ข่าวประชาสัมพันธ์



ส่องผู้เล่นธุรกิจในน่านน้ำสีแดงกับกลยุทธ์ที่ไม่ได้มาเล่นๆ ภายใต้ CEO “พี่บิ๊ก ไปรษณีย์ไทย” เมื่อแบรนด์กำลังก้าวไปรฯ สู่ Trusted Sustainable ASEAN Brand

     คำว่า “ปรับตัว” และ “พัฒนา” ยังคงเป็น 2 คีย์เวิร์ดที่ใช้ได้สำหรับการแข่งขันธุรกิจในทุกยุคทุกสมัย ยิ่งธุรกิจที่อยู่ในน่านน้ำสีแดง จำเป็นต้องเร่งหลีกหนีคู่แข่ง หลีกหนีการแข่งขัน “ดัมป์ราคา” ดำเนินธุรกิจด้วยความแอคทีฟ รวมทั้งต้องสร้างความแปลกใหม่มาเซอร์ไพรส์และมัดใจผู้บริโภคอยู่เสมอ ซึ่งหนึ่งในธุรกิจที่เคยอยู่ในน่านน้ำสีแดงอย่าง “ไปรษณีย์ไทย” ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดีของประเด็นดังกล่าว มีบทพิสูจน์ทั้งจากความเป็นที่หนึ่งในใจหรือแบรนด์เลิฟ    ของธุรกิจสื่อสาร – ขนส่ง การพลิกกลับมาทำกำไรท่ามกลางการประเมินจากหลาย ๆ ภาคส่วนที่ว่าธุรกิจขนส่ง                 อาจยังคงต้องประสบกับภาวะขาดทุนและต้องรอการฟื้นตัวอีกหลายปี รวมไปถึงความไว้วางใจที่เสียงส่วนใหญ่ยังคงโหวตให้พี่ไปรฯ เป็นเบอร์หนึ่ง

     ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือที่เรารู้จักกันว่า “พี่บิ๊ก” เล่าว่า ธุรกิจไปรษณีย์ไทยคือธุรกิจที่สะท้อนถึงความมั่นคงของชาติ เนื่องจากเป็นภาคบริการที่ทำให้หลาย ๆ ส่วนเชื่อมต่อกันได้ และเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ ในฐานะเสาหลักของธุรกิจนี้จึงพยายามปรับตัวและพัฒนาตัวเอง นำสิ่งที่ได้จากการพัฒนาไปแข่งขันกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่อย่างไม่รู้จบ บทสรุปในปีที่ผ่านมาจึงเป็นผลสะท้อนว่าไปรษณีย์ไทยคือผู้ให้บริการที่คนเลือกใช้ เลือกที่จะไว้ใจ และเลือกให้เป็นที่หนึ่งในใจ และยังทำให้สามารถแล่นเรือออกจากน่านน้ำสีแดงมาสู่น่านน้ำที่ยั่งยืนได้อีกด้วย
     เล่นใหญ่ แต่ “ไม่เล่นด้วยสงครามราคา” 
     หากย้อนกลับไปในช่วงที่ธุรกิจขนส่งต่างแข่งขันกันว่าใครคือผู้ที่นำเสนอราคาค่าบริการได้ถูกที่สุด แต่ไปรษณีย์ไทยกลับเป็นผู้เล่นในตลาดที่ย้ำชัดว่าราคาไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน และอาจทำให้ระบบนิเวศของธุรกิจนี้แข่งขันกันลำบากขึ้น รวมทั้งประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าจะแข่งขันด้วย “คุณภาพ” จากวันนั้นจนถึงวันนี้คำประกาศดังกล่าวได้เป็นข้อพิสูจน์ที่สำคัญซึ่งพี่บิ๊กได้เล่าเพิ่มเติมว่า “คุณภาพคือสิ่งที่พัฒนาได้ยากที่สุด แต่ถ้าพัฒนาออกมาแล้วจะเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ซึ่งวันนี้สิ่งที่ทุกคนได้สัมผัสคุณภาพจากไปรษณีย์ไทยมีทั้งความเร็ว โดยเฉพาะบริการ EMS ที่ของทุกชิ้นถึงทุกปลายทางเพียง 1-2 วัน การติดตามสิ่งของที่ฝากส่งที่ทำได้แบบเรียลไทม์ ที่ทุกคนสามารถทราบได้ถึงสถานะตามจริง การลดความเสียหายในทุกกระบวนการขนส่งตั้งแต่ First Mile และ Last Mile โซลูชันที่เป็นมากกว่าการขนส่งที่ทำให้คนทำธุรกิจค้าขายได้ง่ายและสะดวกกันมากขึ้น อีกสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจก็คือ การแข่งขันด้วยแนวทางนี้ได้ทำให้อีกหลาย ๆ ธุรกิจต่างหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพอย่างจริงจัง ซึ่งประโยชน์ทั้งหมดล้วนตกกับผู้ใช้บริการแทบทั้งสิ้น”
     เหนือกว่าบริการ “ลูกค้าไปรษณีย์ไทยต้องได้ประสบการณ์”
     จากการที่อยู่ในตลาดนี้มาอย่างยาวนานจึงเข้าใจว่าจะต้องสร้างจุดต่างให้กับผู้ใช้บริการอย่างไร เพื่อให้ลูกค้าทุกคนชอบ ใช้ กลับมาใช้ซ้ำ และจดจำว่าสิ่งที่ไปรษณีย์ไทยไม่เหมือนกับคนอื่นคืออะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ปีที่ผ่านมากับนโยบาย Zero Complain ที่ตั้งเป้าหมายลดความเสียหายให้เป็นศูนย์ และพร้อมที่จะเข้าไปช่วยลูกค้าทันทีเมื่อเกิดปัญหา สิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องนี้ไม่ได้ทำให้เกิดเพียงความพึงพอใจ แต่คือความไว้วางใจและสะท้อนกลับมาเป็นรายได้จากลูกค้าที่ได้รับบริการเหล่านี้ บุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คน ที่ไม่ได้มีเพียงบทบาทผู้ส่ง แต่คือ “ผู้ส่งประสบการณ์ดี ๆ ให้พี่น้องคนไทย” ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาและนำเสนอของอร่อยทั่วไทยให้ถึงมือ การเป็นผู้เชื่อมต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการใช้ข้อมูลจากพื้นที่ ความพร้อมให้บริการ 365 วัน ทั้งบุรุษไปรษณีย์ และเครือข่ายที่ทำการกว่า 30,000 แห่ง พร้อมทำงานแบบ Non-Stop การให้บริการของที่ทำการฯ ที่ไม่ได้เป็นเพียงจุดฝากส่งสิ่งของ แต่ยังมีทั้งบริการค้าปลีกกับสินค้าชุมชนที่นำมาวางจำหน่าย ทำให้ผู้บริโภคได้รู้จักและได้ใช้ของดีทั่วไทยเพิ่มมากขึ้น การเป็นผู้ให้บริการ (Agent) ด้านการเงินที่ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงิน ตัวกลางในด้านสินเชื่อ ฯลฯ ซึ่งกลุ่มบริการนี้มีรายได้เติบโตขึ้นถึง 34.26% หรือแตะระดับหลักพันล้านบาท และจะได้เห็นโซลูชัน การให้บริการใหม่ ๆ ที่มากขึ้นในปีนี้ 
     เป็นมากกว่า “ขนส่ง” เพื่อรายได้ และการเติบโตที่มากกว่า 
     Beyond Logistics คือสิ่งที่ CEO ใหญ่ไปรษณีย์ไทยมองเห็นว่าแบรนด์เป็นได้มากกว่าการขนส่ง แม้ว่าจุดเริ่มต้นขององค์กรจะเป็น Physical Products ก็ตาม โดยพี่บิ๊กได้บอกกับเราว่า “การเกิดมาภายใต้การเป็น Physical ไม่ได้เป็นข้อจำกัดต่อการทะยานไปสู่การทำ Digital เพราะในวันนี้ไปรษณีย์ไทยได้ทำทั้งบริการ Prompt Post ตู้จดหมายที่จะย้ายจากหน้าบ้านไปอยู่บนเครื่องมือดิจิทัลด้วยฟังก์ชันที่ครบครัน เช่น จดหมายออนไลน์ โปสการ์ดการทายผลฟุตบอล การมี e-Timestamp e-Signature e-Seal ที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นในการก้าวไปสู่ Information Logistics ที่ทุกก้าวความล้ำมาจากการใช้ข้อมูลอย่างแท้จริง รวมถึงยังมีการออก House Brand สินค้าพิเศษภายใต้แบรนด์ไปรษณีย์ไทย ข้าวสาร น้ำดื่ม กาแฟ “ตราไปร” ที่คัดสรรสินค้าคุณภาพดีมานำเสนอพร้อมด้วยราคาที่เป็นมิตร ให้คนไทยได้บริโภคของดี สั่งง่าย ส่งฟรี และยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชน ซึ่งกลุ่มหลังนี้จะโฟกัสไปที่การทำตลาดกับภาคครัวเรือน และกลุ่มวัยสีเงิน หรือ Silver marketing และกลุ่มผู้ที่รักสุขภาพ รวมถึงการพัฒนาธุรกิจ Retail ให้ใหญ่ขึ้นทั้งในด้านสินค้า การเป็นช่องทางจำหน่าย และการขนส่ง ซึ่งพร้อมด้วยเครือข่ายและกำลังคนที่จะรองรับ”
     ก้าวไปรฯ สู่ Trusted Sustainable ASEAN Brand
     แม้ว่าปีนี้ไปรษณีย์ไทยจะมีเป้าหมายที่ชัดว่าจะต้องกลับมาทำกำไร 350 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้พี่บิ๊กมองถึงสถานการณ์ว่าหากมองตามเศรษฐกิจที่ผันผวนก็อาจไม่ใช่สิ่งที่ง่าย แต่หากเดินตามกลยุทธ์ที่วางไว้ได้ เป้าหมายนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากจนเกินไป สำหรับในปี 2567 ได้วางสัดส่วนรายได้กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ กลุ่มบริการระหว่างประเทศ กลุ่มบริการค้าปลีกและการเงิน  กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ  และรายได้อื่น ๆ ตามลำดับ โดยขนส่งและโลจิสติกส์จะยังคงครองสัดส่วนสูงที่สุด เนื่องจากการเติบโตของการค้าปลีก การค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการที่เกิดขึ้นใหม่และการขยายธุรกิจ 
     ความเปลี่ยนแปลงของไปรษณีย์ไทยเป็นอีกเรื่องราวที่น่าสนใจ และเชื่อว่าหลายคนคงจับตาว่าองค์กรที่อยู่มานานมากกว่า 140 ปีนี้จะนำอะไรใหม่ ๆ มาให้บริการสู่คนไทย แต่เชื่อเหลือเกินว่าสิ่งแรกที่คนจะนึกถึงหากต้องการใช้บริการสื่อสารและขนส่งไปรษณีย์ไทยคงเป็นตำตอบแรก ๆ ที่ทุกคนจะเชื่อมั่นและวางใจอย่างแน่นอน 

Download และ ติดตั้งโปรแกรมอ่าน PDF

Download PDF Reader
ขออภัยครับ

ขออภัยครับ ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ในภาษาที่ท่านเลือก !

Sorry, There is no information support your selected language !

}